ส่งทีมใต้น้ำค้นหา ผู้สูญหายเหตุ เรือน้ำมันระเบิด จ.สมุทรสงคราม
กู้ภัยมูลนิธิ สว่างเบญจธรรม ส่งทีมใต้น้ำ ลุยค้นหา ผู้หายสาบสูญอีก 6 คน เรือน้ำมันระเบิด อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ในเวลากลางคืน ที่ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจ ชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย องค์การบริหารส่วนตำบลแหลมใหญ่ จังหวัดสมุทรสงคราม ยังคงมีการค้นหาผู้สูญหาย อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ช่วงบ่าย ทั้งบนเรือแล้วก็ในแม่น้ำแม่กลอง
เมื่อคืนที่ผ่านมา มีการยืนยันจาก ชลธี เลาหกรรณวณิช หัวหน้าชุดปฏิบัติการ กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม ว่ามีผู้สูญหาย 6 คน โดยมีการแจ้งเพิ่ม หนึ่งคนจากญาติ ที่มาแจ้งติดตามหาคนหายภายหลัง
ตั้งแต่ 17.00 น. ชุดปฏิบัติการ กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม ได้เริ่มส่งชุดค้นหาใต้น้ำชุดแรกลงไปในแม่น้ำแม่กลอง จากนั้นจะมีชุดสลับสับเปลี่ยน โดยการค้นหาจะดำเนินไปจนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง จากนั้นจะมีการ ประเมินสถานการณ์ อีกทีว่าจะค้นหาต่อหรือหยุดพัก
สำหรับรัศมีการค้นหาจะอยู่ที่ 100 เมตรรอบตัวเรือ โดยระดับน้ำลึกประมาณ 7-8 เมตร
ไปติดตามความคืบหน้าล่าสุด จากปฏิบัติการค้นหา ผู้สูญหายกรณีเรือบรรทุกน้ำมันระเบิด ซึ่งมีการค้นหากัน เกือบจะอีกทั้งคืน จาก คุณหนึ่ง พลเศรษฐ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการกู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม
เรือน้ำมันระเบิด พื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม กระเทือนไกลหลายกิโลฯ
เกิดเหตุ “เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่” ระเบิด ไฟลุกท่วมในพื้นที่สมุทรสงคราม กระเทือนไกลหลายกิโลเมตร
วันที่ 17 มกราคม 2566 ปภ.จังหวัดสมุทรสงคราม รายงานเหตุด่วน เมื่อเวลาประมาณ 09.10 น. เกิดเหตุ “เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่” ระเบิด เสียงดังสนั่น
จนถึงมีเพลิงไหม้ควันดำโขมง สังเกตได้จากระยะไกล ขณะจอดซ่อมอยู่ในพื้นที่ อบต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม แรงระเบิด นำมาซึ่งการทำให้อาคารบ้านเรือน ใกล้เคียงได้รับความเสียหาย ชาวบ้านในพื้นที่ เผย
แรงระเบิดรัศมี สะเทือนไม่ต่ำกว่า 7 กิโล ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจดูสาเหตุ ถ้าหากมีความคืบหน้า จะได้รายงานให้รู้ถัดไป
โดยเหตุระเบิดเรือน้ำมัน ชื่อ SMOOTH SEA 22 เกิดขึ้นภายใน อู่ซ่อมเรือ บริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ได้รับบาดเจ็บนับสิบราย และยังคงมีผู้หายสาบสูญจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า บอกว่า SMOOTH SEA 22 เริ่มใบอนุญาตใช้เรือ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 แล้วก็หมดอายุใบอนุมัติใช้เรือ วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 โดยกำหนดประเภท การใช้บรรทุกผลิตภัณฑ์น้ำมัน ที่มีจุดวาบ ไฟต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส ประเภทเรือกลเดินสมุทรเฉพาะเขต เขตการออกเรือ ลำน้ำรวมทั้งสมุทรระหว่างจังหวัดตราดกับจังหวัดนราธิวาส
เจ้าท่าฯ ตั้ง กรรมการสอบ เรือน้ำมันระเบิด สรุปใน 10 วัน ล่าสุดเสียชีวิต 3 ราย
กรมเจ้าท่า ตั้งกรรมการสอบเรือบรรทุกน้ำมันระเบิด สรุปใน 10 วัน ตั้งประเด็นอู่ซ่อมแซมเรือบรรทุก วัตถุอันตรายทำตามขั้นตอนหรือไม่ เจอเรือมีน้ำมันเตา 30,000 ลิตร น้ำมันดีเซล 2,500 ลิตร ล่าสุดเสียชีวิตเป็น 3 ราย ยืนยันเยียวยา ตามกฎหมาย
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รักษาการอธิบดี กรมเจ้าท่า (กรมเจ้าท่า) เปิดเปิดเผยว่า ความคืบหน้า กรณีเหตุเรือบรรทุกน้ำมันสมุธซี 22 ระเบิด ขณะจอดซ่อมบำรุง อยู่ภายในอู่แห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.8 ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 17 มกราคม 2566 ซึ่งล่าสุด สามารถควบคุมไฟได้ 100% แล้ว ขณะที่มีคนตายเพิ่มเป็น 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บจำนวน 1 ราย
ดังนี้ จากการพิจารณาเรือบริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ทะเบียนเลขที่ 61132750004 นั้น พบว่าได้รับอนุญาต ดำเนินการเมื่อปี 2561 ซึ่งที่ทำการเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 ออกคำสั่งปิดอู่เรือที่เกิดเหตุแล้ว
สำหรับเรือน้ำมันสมุธซี 22 ตรวจดูในขณะที่เกิดระเบิด พบว่ามีน้ำมันเตา ค้างประมาณ 30,000 ลิตร และน้ำมันดีเซล สำหรับขับเคลื่อนเรือ ค้างอยู่ประมาณ 2,500 ลิตร โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนขึ้นมาเร่งหาข้อข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยมีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เบื้องต้นตั้งประเด็นสอบปากคำ
ได้แก่ การดำเนินการของอู่ต่อเรือ เป็นไปตามกระบวนการ และขั้นตอนความปลอดภัย ที่กำหนดใน การรับเรือบรรทุกสินค้าอันตราย เข้าซ่อมแซมครบถ้วนหรือไม่ รวมถึงมีสาเหตุ ปัจจัยอื่นทั้งยังข้างนอกและก็ภายในอื่น ๆ เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประเด็น
นอกจากนั้น กรมเจ้าเห็นจะต้องนำมาตรการ กฎระเบียบ กฎหมาย เกี่ยวกับการอนุญาตอู่สร้างเรือ การกำกับดูแล แล้วก็เรือบรรทุกสินค้าอันตราย เพื่อทบทวนว่ายังมีประเด็นใด ที่ยังไม่ครอบคลุมหรือไม่ เพื่อดำเนินการแก้ไข เพิ่มเติมถัดไป
สำหรับเรือ มีการประภัยภัย ได้แก่ การประกันแบบ Hull & Machinery หรือ H&M ผู้ครอบครองเรือ (ผู้ปฏิบัติการ, ผู้เช่าเรือ) จ่ายเบี้ยประกัน คุ้มครองถึงวันที่ 26 มีนาคม 2566 วงเงิน 60 ล้านบาท
แล้วก็การเข้าเป็นสมาชิกของ P&I Club (Protection and Indemnity Clubs) หรือ การประกันภัย ที่ให้ความคุ้มครองถึงบุคคลที่สาม ผู้ครอบครองเรือ (ผู้ปฏิบัติการเรือ, ผู้เช่าเรือ) เป็นผู้จ่ายเบี้ยประกัน คุ้มครองถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ด้าน นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดี กรมเจ้าท่าด้านปลอดภัย
กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ ได้รีบลงพื้นที่ประมาณ 10 โมงเศษ พบว่าเพลิงยังลุกไหม้อยู่ ซึ่งได้มีการตรวจดูข้อมูลพื้นฐาน เพื่อประเมินสถานการณ์ ในการเข้าดำเนินการผจญเพลิง ที่ถูกต้องรวมทั้งปลอดภัย การเกิดระเบิดครั้งแรกทำให้ไฟลุก มีความร้อน ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงมีการระเบิด ตามมาสม่ำเสมอ ซึ่งเกิดจากความร้อน และก็อาจทำให้เจ้าหน้าที่ ตื่นตระหนก ในการเข้าดำเนินการ และก็เกิดกระแสกระแสข่าวลือว่าเรือยังบรรทุกน้ำมันอยู่
ซึ่งจากข้อมูล ยืนยันว่าเรือไม่มีสินค้าที่เป็นน้ำมัน เป็นเรือเปล่าเพื่อเตรียมการขึ้นอู่ซ่อมใน 1-2 วันข้างหน้า เพราะฉะนั้นต้องมีการล้าง ระวางก่อนตามขั้นตอน
ขณะที่เรือลำดังกล่าวต่อขึ้นเมื่อ 4-5 ปีก่อน นับว่าเป็นเรือใหม่ บรรทุก ผลิตภัณฑ์ที่มีจุดวาบไฟ ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส บรรทุกผลิตภัณฑ์ประเภท น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันดิบ ซึ่งมีความไวไฟ จึงมีมาตรการ ที่รัดกุมในการนำเรือขึ้นเพื่อซ่อมแซม
โดยต้องล้างถัง ไล่ก๊าสออกจากระวาง กระทั่งมั่นใจว่าไม่มีสิ่งที่ทำให้เกิดระเบิดได้ เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว ก็เลยเป็นข้อสงสัยว่าได้ดำเนินการ ตามขั้นตอนครบถ้วนหรือไม่ โดยกรมเจ้าท่าได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาซักถามหาข้อเท็จจริงสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยจะสรุปภายใน 10 วัน
พร้อมกันนี้ กรมเจ้าท่าจะเร่งประเมินความเสียหาย ที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ บ้านเรือนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าอยู่ในพื้นที่เพื่อประสานกับทุกส่วน ทั้งบริษัทเรือ อู่ บริษัทประกัน จังหวัด ในเรื่องการดูแลความเรียบร้อย รวมทั้งการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ พื้นฐานประเมินมูลค่าประกัน จะครอบคลุมในการชดเชย ความเสียหายผู้ได้รับผลกระทบ